นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทแข็งในขณะนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการส่งออกข้าวไทย เพราะเสียเปรียบในเรื่องราคาส่งออกไม่สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งหลัก โดยราคาห่างกันถึง 12-15 เหรียญสหรัฐต่อตันสำหรับข้าวเจ้า ขณะที่ข้าวหอมมะลิราคาห่างกันกว่า 30 เหรียญสหรัฐฯ เช่น ข้าวขาว5% ราคา(เอฟโอบี)ของไทยตันละ 390 เหรียญสหรัฐฯ แต่ราคาเวียดนามและปากีสถานอยู่ที่ 345 เหรียญสหรัฐฯ ราคาอินเดียอยู่ที่ 375 เหรียญสหรัฐฯ

ส่วนข้าวหอมมะลิไทยราคาตันละ 1,200 เหรียญสหรัฐฯ แต่เวียดนามขาย 420 เหรียญสหรัฐฯ หากค่าเงินบาทยังแข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่งต่อเนื่อง จะกระทบต่อตัวเลขส่งออกข้าวไทยในเดือนมีนาคม อาจเหลือ 6 แสนตัน จากเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปีนี้ คาดว่าจะส่งออกได้ 7-8 แสนตัน เพราะยังมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าและรอการส่งมอบ

นายชูเกียรติ กล่าวว่า สมาคมฯกำลังติดตามสถานการณ์ปัจจัยกระทบต่อการส่งออกไทย นอกจากผลกระทบจากค่าบาทแข็งแล้ว ยังมีปัจจัยลบอื่นอีก คือ รัฐบาลจีนสั่งไม่ให้การสนับสนุนนำเข้าข้าวจากเวียดนาม ทำให้ปกติจีนนำเข้าจากเวียดนามปีละ 2-3 ล้านตัน ออกมาหมุนเวียนในตลาดโลก อีกทั้งเดือนมีนาคมข้าวฤดูกาลใหม่ที่มีจำนวนมากสุดของเวียดนามจะออกสู่ตลาด ยิ่งเป็นแรงกดดันราคาข้าวเวียดนามให้ต่ำลงอีก ตอนนี้มีกระแสว่ายอมขายราคาต่ำถึง 335 เหรียญสหรัฐฯแล้ว ไทยเองก็จะมีข้าวนาปรังรอบแรกออกมาในช่วงนี้ด้วย ขณะที่สถานการณ์การจัดเลือกตั้งภายในไทย เป็นอีกประเด็นที่ผู้นำเข้าติดตามรอดูว่าจะมีเหตุการณ์อะไรหรือไม่

” การส่งออกข้าวไทยตอนนี้ต้องบอกว่าอึดอัดมาก และเป็นปีที่ลำบาก เพราะปัจจัยลบแยะตั้งแต่ต้นปี ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเป้าหมายการส่งออกข้าวไทยปีนี้ คาดไม่ถึง 10 ล้านตัน ขณะนี้คำสั่งซื้อใหม่ๆเพื่อส่งมอบในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า เริ่มชะลอตัวแล้ว เพราะรอดูราคาข้าวเวียดนามและประเทศผู้ส่งออกข้าวอาจแข่งขันดัมพ์ราคากันรุนแรง อยากให้รัฐบาลเร่งดูแลเรื่องค่าบาท ” นายชูเกียรติ กล่าว

ขอบคุณที่มาจาก  https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1331527