ผู้ส่งออกห่วงอนาคต ตลาดส่งออกข้าวหอมมะลิไทยไทยเดี้ยง หลังผู้นำเข้าแห่ปลูกเองทั้ง “สหรัฐดีเดย์ขายข้าวหอมมะลิสู่ตลาด เม.ย.นี้-จีนพัฒนาพันธุ์อู๋ชาง” แถมราคาข้าวไทยสูงขึ้นจากบาทแข็ง ส่วนตลาดข้าวสียังริบหรี่คุมคุณภาพไม่ได้ 

นายโชคชัย เศรษฐีวรรณ อุปนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า สมาคมประเมินภาพการส่งออกทั้งปี 2562 อยู่ที่ 10 ล้านตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 11 ล้านตัน เนื่องจากการทำตลาดในปีนี้ตลาดข้าวหอมมะลิอาจจะแข่งขันลำบากมากขึ้น จากปัจจัยของค่าเงินบาท รวมไปถึงราคาข้าวหอมมะลิไทยแพงกว่าคู่แข่งแม้อาจจะยังไม่เห็นผลในทันที แต่หากสถานการณ์ราคายังมีแนวโน้มอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อการส่งออกในระยะยาว และที่สำคัญ ยังเกิดภาวะประเทศผู้นำเข้าอย่างสหรัฐเริ่มผลิตข้าวออกมาทำตลาดภายในประเทศเอง โดยคาดว่าจะเริ่มออกมาช่วงเดือนเมษายน 2562 อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจประเทศผู้นำเข้ายังมีปัญหาก็จะยิ่งทำให้ทำตลาดส่งออกข้าวหอมได้ลำบากมากขึ้น ถือเป็นเรื่องน่าห่วงสำหรับการทำตลาดข้าวในอนาคต

สำหรับภาพการทำตลาดแต่ละกลุ่มหรือชนิดของข้าวในปัจจุบัน 70% ส่วนใหญ่เป็นตลาดข้าวขาวและข้าวนึ่ง ส่วนอีก 29%เป็นข้าวหอมมะลิ และมีเพียง 1% เท่านั้นที่เป็นตลาดข้าวสี ข้าวคุณภาพซึ่งยังเป็นจำนวนน้อยมากสำหรับตลาดส่งออก

“ปริมาณการส่งออก 10 ล้านตัน นั้นเป็นข้าวขาว 7-8 ล้านตัน เป็นข้าวหอมมะลิ 2 ล้านตัน และ 2 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมการส่งออกข้าวหอมมะลิลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนในปีนี้จะส่งออกอยู่ที่ปริมาณเท่าไรนั้นยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่เชื่อว่าจะลดลงจากปัจจัยที่เกิดขึ้น ส่วนจะหันไปทำตลาดข้าวคุณภาพ ข้าวสี ให้มากขึ้นนั้น เรื่องนี้ก็ยังมองว่าเป็นเรื่องที่ยาก มีอุปสรรคอยู่หลายจุด โดยเฉพาะคุณภาพที่ยังมีความไม่แน่นอนของคุณภาพข้าวอยู่ เพราะปัจจัยกระทบมาจากน้ำ สภาพอากาศ ที่ไม่คงที่มีผลต่อรสชาติ คุณภาพของข้าวที่ออก ซึ่งยังควบคุมการดูแลลำบาก ดังนั้น การทำตลาดนี้ยังต้องใช้เวลา รวมไปถึงการพัฒนาพันธุ์ข้าวด้วย”

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์การค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้ต้องให้ความสำคัญกับการทำตลาดข้าวในจีนมากขึ้น หากไม่ดำเนินการใด ๆ เชื่อว่าภายใน 5 ปี ข้าวไทยอาจแข่งขันไม่ได้ หรือหมดอนาคตในตลาดจีน เพราะนอกจากข้าวขาวพื้นนุ่มของเวียดนามราคาถูกจะเข้ามาแข่งแล้ว จีนยังเริ่มเพาะปลูกข้าวคุณภาพมากขึ้น เช่น พันธุ์อู๋ชาง ซึ่งได้มีผลผลิตออกมาเมื่อ3-4 ปีก่อนคุณภาพใกล้เคียงข้าวหอมมะลิไทย ดังนั้นในปีนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเดินหน้าทำตลาดอย่างจริงจังมากขึ้นและต้องแก้ปัญหาการปลอมปนข้าวหอมมะลิไทยในต่างประเทศ รวมถึงจัดทำโปรโมชั่น ขยายช่องทางตลาดข้าวในจีนเพื่อกระตุ้นในการบริโภคให้มาก

ขอบคุณที่มาจาก  https://www.prachachat.net/economy/news-280117