นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า คาดว่าปีนี้ไทยจะส่งออกข้าวได้เพียง 9.5 ล้านตัน มูลค่า 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 155,000 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมา ที่ส่งออกได้ 11.09 ล้านตัน โดยคาดการส่งออกจะลดลงในทุกชนิดข้าว ทั้งข้าวขาว ข้าวนึ่ง ข้าวหอมมะลิไทย รวมกันเกินกว่า 1 ล้านตัน เพราะค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากกว่าคู่แข่งถึง 2.28% ขณะที่เงินด่องของเวียดนาม แข็งค่าเพียง 0.05% ทำให้ราคาข้าวไทยแพงกว่าคู่แข่ง และขณะนี้ราคาข้าวขาว 5% ของไทย ตันละ 390-395 เหรียญฯ เวียดนามตันละ 340 เหรียญฯ ห่างกันพอสมควร

บาทแข็งพ่นพิษส่งออกข้าววูบ ปีนี้เหลือ 9.5 ล้านตัน แถมคู่แข่งพลิกเกมแย่งตลาด

“ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาก เป็นสิ่งที่ภาคเอกชนหนักใจมาก แม้จะทำประกันความเสี่ยงก็ไม่ได้ช่วยมากนัก จึงอยากฝากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลเงินบาทไม่ควรแข็งค่ามากจนเกินไป”

นอกจากนี้ การส่งออกข้าวไทยยังประสบปัญหาอื่นๆอีก เช่น อินเดียมีมาตรการกระตุ้นการส่งออก โดยการให้เงินอุดหนุนเป็นแรงจูงใจผู้ส่งออก 5% ทำให้ผู้ส่งออกกำหนดราคาขายต่ำกว่าประเทศอื่นได้ และจีนมีสต๊อกข้าวปริมาณมาก รวมทั้งมีการระบายข้าวในสต๊อกเก่าบางส่วนไปตลาดแอฟริกา ทำให้ไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในแอฟริกาเช่นกัน และยังพบว่า ผู้นำเข้าข้าวหลายประเทศ มีนโยบายการลดการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศลง เพราะปีก่อนหน้าก็ได้นำเข้าในปริมาณมากไปแล้ว รวมถึงกรณีที่สหภาพยุโรป (อียู) มีการเก็บภาษีนำเข้าข้าวจากกัมพูชา และเมียนมา สูงถึงตันละ 175 ยูโรจากเดิมที่ไม่เคยเก็บเลย ส่งผลให้ทั้ง 2 ประเทศหันมาทำตลาดจีนแทน ซึ่งจะแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยในจีน ถือเป็นปัจจัยลบสำหรับการส่งออกข้าวในปีนี้

“ขณะนี้คู่แข่งทั้งอินเดีย เวียดนาม ปรับตัวได้ดีกว่าไทยมาก เพราะมีการปรับปรุงพันธุ์ข้าว และเริ่มมีรสชาติใกล้เคียงกับข้าวไทย หรือบางพันธุ์ดีกว่าไทย ดังนั้น ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องจัดทำแผนยุทธศาสตร์ข้าวไทยให้รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก และภาครัฐต้องเปิดกว้างให้ชาวนา โรงสีข้าว และผู้ส่งออกข้าวไทย เข้ามามีส่วนร่วมจัดทำแผนยุทธศาสตร์ข้าวไทยระยะยาวอีกด้วย”.

ที่มา….https://www.thairath.co.th/content/1484190