สรรพคุณของถั่วลิสง

  1. ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยในการเจริญเติบโต (เมล็ด)
  2. ช่วยบำรุงสมองและประสาทตา ช่วยเสริมสร้างความจำ และยังมีโคลีนที่ช่วยควบคุมความจำอีกด้วย (เมล็ด)
  3. ช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย (เมล็ด) และช่วยให้ความอบอุ่นแก่ผิวกาย (น้ำมันถั่วลิสง)
  4. ช่วยลดความดันโลหิตสูง (ใบ) โดยใช้ทั้งก้านและใบสดหรือแห้ง (แห้งใช้ประมาณ 30 กรัม ถ้าสดใช้ประมาณ 40 กรัม) นำมาต้มกับน้ำกิน (เมล็ด)
  5. ถั่วลิสงมีสารต้านเอนไซม์โปรติเอส มีฤทธิ์ต่อต้านมะเร็ง และมีจีเนสเตอินซึ่งทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็งตีบลง
  6. ช่วยป้องกันโรคหัวใจ เนื่องจากในถั่วลิสงมีสารที่ช่วยลดปริมาณของไขมันร้าย (LDL) จึงช่วยลดความเสี่ยงของภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือดและภาวะหลอดเลือดแข็งตัวซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยลดโอกาสเสียชีวิตจากโรคหัวได้ถึงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทาน (เมล็ด)
  7. กินถั่วลิสงอ้วนไหม ? ปกติแล้วการรับประทานถั่วจะช่วยลดน้ำหนักและความอ้วนครับ เพราะมีไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งทำให้อิ่มท้องนาน ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง และยังช่วยยับยั้งไขมันเลวที่เป็นผลเสียต่อร่างกาย ด้วยการรับประทานแบบดิบ ๆ หรือนำมาต้ม แต่ถ้าหากเป็นถั่วคั่ว ถั่วทอด ถั่วอบ อย่างนี้มันผ่านความร้อนและน้ำมัน ทำให้ไขมันไม่อิ่มตัวที่มีในถั่วลิสงมันหายไป หากรับประทานมาก ๆ ก็ทำให้อ้วนได้ แต่ทั้งนี้ถ้าหากรับประทานแต่พอประมาณก็ไม่อ้วนแน่นอนครับ และมีคำแนะนำว่าไม่ควรรับประทานเกิน 1 กำมือ ถั่วลิสงอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นตัวช่วยลดระดับความดันโลหิต ระดับไขมันในเลือด และยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจอีกด้วย (เมล็ด)
  8. ช่วยรักษาโรคเกล็ดเลือดต่ำ ด้วยการนำเปลือกถั่วลิสงประมาณ 10 กรัม ต้มกับน้ำดื่มทุกวัน (เมล็ด)
  9. ช่วยบำรุงไขมันในร่างกาย (เมล็ด)
  10. ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน และเป็นอาหารที่ดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลินได้ (เมล็ด)
  11. ช่วยบำรุงปอด ช่วยหล่อลื่นปอด รักษาอาการไอแห้งเรื้อรัง ด้วยการใช้เมล็ดแห้งประมาณ 60-100 กรัมนำมาบดชงหรือต้มกิน (เมล็ด)
  12. ช่วยรักษาเยื่อตาอักเสบอย่างเฉียบพลันชนิดที่ติดต่อได้ (ข้อมูลทางคลินิก)
  13. ช่วยแก้อาการไอเรื้อรังและอาการคลื่นไส้ (เมล็ด)
  14. ช่วยรักษาอาการไอกรน ชอบนอนกรนในเด็ก ด้วยการใช้เมล็ดถั่วนำมาต้มใส่น้ำตาลกรวดแล้วรับประทาน (เมล็ด)
  15. ช่วยรักษาอาการนอนละเมออย่างผิดปกติ (ข้อมูลทางคลินิก)
  16. ช่วยระบายท้อง (น้ำมันจากเมล็ด)
  17. ช่วยบำรุงกระเพาะ และในถั่วยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารที่สามารถละลายน้ำได้ จึงช่วยในขบวนการทำความสะอาดร่างกายแบบเป็นธรรมชาติ(เมล็ด)
  18. ช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร (เมล็ด)
  19. ฝักถั่วลิสงช่วยรักษาโรคบิดแบคทีเรียอย่างเฉียบพลัน (ข้อมูลทางคลินิก)
  20. ช่วยรักษาพยาธิไส้เดือนที่อุดตันในลำไส้ (ข้อมูลทางคลินิก)
  21. ช่วยหล่อลื่นลำไส้ (น้ำมันจากเมล็ด)
  22. ถั่วลิสงต้มกับเกลือใช้รับประทานช่วยบรรเทาอาการโรคฝีในท้องได้ (เมล็ด)
  23. ช่วยรักษาโรคตับอักเสบ เป็นดีซ่านอย่างเฉียบพลัน (ข้อมูลทางคลินิก)
  24. สรรพคุณถั่วลิสง เมล็ดช่วยบำรุงม้าม (เมล็ด)
  25. ช่วยห้ามเลือด และรักษาอาการเลือดออกง่ายในโรคฮีโมฟีเลีย (Haemophilia) (ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา)
  26. ใบสดนำมาตำใช้พอกรักษาแผลฟกช้ำ แผลหกล้มจากการกระทบกระแทก และแผลมีหนองเรื้อรัง (ใบ) โดยใช้ทั้งก้านและใบสดหรือแห้ง (แห้งใช้ประมาณ 30 กรัม ถ้าสดใช้ประมาณ 40 กรัม) นำมาต้มกับน้ำกิน หรือใช้ภายนอกนำมาตำแล้วพอก
  27. ช่วยแก้อาการปลายเท้าเป็นเหน็บชา (เมล็ด) ให้ใช้เมล็ดที่มีเยื่อประมาณ 100 กรัม ถั่วแดง 100 กรัม และเปลือกของพุทราจีน 100 กรัม แล้วนำทั้งหมดมาต้มรับประทานหลายครั้ง ๆ
  28. ช่วยบำรุงไขข้อ บำรุงเส้นเอ็น (เมล็ด)
  29. น้ำมันจากเมล็ดใช้ถูทาแก้อาการปวดตามข้อและอาการตามกล้ามเนื้อได้ (น้ำมันจากเมล็ด)
  30. ใช้ฉีดเป็นยาสลบ (ข้อมูลทางคลินิก)
  31. น้ำมันจากถั่วลิสงที่ใช้สำหรับเป็นยาฉีด มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางชนิดได้เล็กน้อย (ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา)
  32. ช่วยบำรุงน้ำนมสำหรับสตรีหลังคลอดบุตร (เมล็ด)[3] ด้วยการต้มถั่วลิสง 120 กรัมกับขาหมู 1 ขา กินแล้วจะช่วยทำให้มีน้ำนมมากขึ้น
  33. ถั่วลิสงอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมนเพศ ช่วยในการทำงานของเอนไซม์ต่าง ๆ ในร่างกาย และช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว
  34. เยื่อหุ้มเมล็ดของถั่วลิสงสามารถช่วยยับยั้งการสลายตัวของ Fibrin ได้ และช่วยกระตุ้นกระดูกให้ผลิตเกล็ดเลือด เพิ่มสมรรถภาพในการหดตัวของเส้นเลือดฝอย และช่วยในการห้ามเลือด
  35. จริง ๆ แล้วสรรพคุณถั่วลิสงยังมีมากกว่านี้ครับ แต่ข้อมูลเหล่านั้นยังไม่มีแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ เช่น สรรพคุณแก้อาการนอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ลดเสมหะ แก้ไส้เลื่อน ขับระดูขาวของสตรี ลดอาการบวมน้ำจากไต เป็นต้น

ที่มา…..https://medthai.com