ปลูกกาแฟให้ได้ราคา ต้องรู้จักมาตรฐาน 4C

“ปลูกกาแฟมาตั้งแต่ปี 2529 เกือบถอดใจไปปลูกอย่างอื่น เพราะกาแฟไม่ค่อยโต ให้ผลผลิตน้อย แถมบางปีได้ราคาต่ำ ปี 2556 มาเห็นโครงการปลูกด้วยใจ กาแฟไทยยั่งยืนกับเนสกาแฟ เลยลองเข้าอบรม ได้เรียนรู้หลายอย่าง โดย เฉพาะการต่อกิ่งกาแฟสายพันธุ์ดีบนต้นเดิม จึงทดลองทำ ต้นที่ต่อกิ่งโตเร็ว ให้ผลผลิตมากขึ้น จึงหันมาทำหมดทั้งสวน 2,000 ต้น ผลผลิตจากที่เคยได้ไร่ละ 120 กก. เพิ่มเป็น 320 กก.”

สุดใจ คำยอด เกษตรกรชาวสวนกาแฟ อ.สวี จ.ชุมพร เล่าถึงที่มาของการเข้าร่วมโครงการปลูกด้วยใจ กาแฟไทยยั่งยืนกับเนสกาแฟ…อยู่ที่นำหลักปฏิบัติของมาตรฐานกาแฟระดับโลก มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับเกษตรกรไทย จนกลายเป็นมาตรฐาน 4C (Common Code for Coffee Community)

เป็นครั้งแรกของประเทศที่มีมาตรฐานกาแฟไทย เพื่อให้การผลิตกาแฟเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยยึดหลัก…10 ข้อห้าม และ 27 ข้อควรทำ

10 ข้อห้าม…ใช้แรงงานเด็ก การบังคับใช้แรงงานที่ไม่เต็มใจ ขัดขวางการเข้าร่วมเป็นตัวแทนองค์กรการค้า บังคับขับไล่แรงงานโดยปราศจากการชดเชย จัดหาที่อยู่ที่ไม่เหมาะสมเพียงพอสำหรับแรงงาน ละเลยการจัดหาน้ำดื่มให้กับแรงงาน การตัดไม้ทำลายป่าหรือทรัพยากรธรรมชาติ การใช้เคมีต้องห้าม การใช้พืชดัดแปลงพันธุกรรม และทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายหรือไม่โปร่งใส

27 ข้อควรทำ… ครอบคลุมเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อจูงใจให้เกษตรกรชาวสวนกาแฟมีการพัฒนา ปรับปรุงตามหลักจริยธรรมนี้อยู่อย่างสม่ำเสมอ อาทิ การสร้างกำไรจากการผลิตระยะยาว การฝึกอบรมพัฒนาทักษะสม่ำเสมอ การจดบันทึกเพื่อปรับปรุงพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต สามารถเข้าถึงข้อมูลการตลาด พัฒนาคุณภาพผลผลิตอย่างต่อเนื่อง มีกลไกการตรวจสอบย้อนกลับ แรงงานต้องได้รับค่าแรงอย่างเป็นธรรม มีการจัดการของเสียอย่างปลอดภัย

“ทุกขั้นตอนจะมีนักวิชาการของเนสกาแฟมาให้ความรู้ พร้อมกับติดตามผลตลอด เริ่มตั้งแต่ใส่ปุ๋ยตามการวิเคราะห์ดิน ควบคู่ไปกับการเน้นใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่หาได้ในท้องถิ่นเป็นหลัก การดูแลระหว่างปลูก ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต ที่แนะนำให้เก็บแต่ลูกสุกหรือเหลือง ไม่เก็บแบบรูดออกทั้งช่อ เพื่อให้ได้ผลผลิตมีคุณภาพที่สุด”

ทำได้ดังนี้ สุดใจบอกว่า ตลอด 5 ปีที่ทำมา ไม่เพียงทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มเกือบ 2 เท่าตัว กาแฟที่ผลิตออกมายังขายง่ายและคล่องกว่าเดิม เพราะสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้โดยไม่ถูกกีดกันทางการค้า มีพ่อค้ามาแย่งรับซื้อไม่ต้องกลัวถูกกดราคา

และถึงแม้เนสกาแฟจะมีทีมงานมาให้คำปรึกษา แต่ไม่ได้บังคับว่า ผลผลิตออกมาแล้วต้องขายให้บริษัทอย่างเดียว เลยทำให้เกษตรกรมีอิสระในการขายผลผลิตมากขึ้น.

ที่มา….https://www.thairath.co.th/content/1413513