นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า สภาเกษตรกรฯ ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) ร่วมกันพัฒนาเกษตรกรให้เป็น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ด้วยการยกระดับอาชีพจากการทำเกษตรแบบดั้งเดิมสู่การใช้ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลผลิต โดยกระทรวงอุตสาหกรรมสนับสนุนความรู้ ขณะที่ SME Bank เติมเต็มด้านเงินทุน นำร่องที่ อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ซึ่งมีการส่งเสริมให้ปลูกไผ่ และต่อยอดด้วยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ถ่านเชื้อเพลิง ไผ่สำหรับใช้ในภาคอุตสาหกรรม เฟอร์นิเจอร์ และบ้านจากไม้ไผ่ จากนั้นจะขยายผลไปทั่วประเทศ ซึ่งทาง SME Bank ยืนยันมีทุนเพียงพอและสามารถอุดหนุนได้ในวงเงิน 1 ล้านบาทต่อ 1 ผู้ประกอบการ โดยใช้ดอกเบี้ยเงินกู้เพียง 1% จัดเป็นสิทธิพิเศษมาก

              เบื้องต้นภายในปี 2561 คาดหวังจะผลักดัน ให้เกิดการปรับเปลี่ยนของเกษตรกรแต่ละพื้นที่อย่างน้อยอำเภอละ 1 ผู้ประกอบการ รวม 800 ราย จากนั้นปี 2562 ค่อยขยับขยายเป็นตำบลละ 1 ผู้ประกอบการ 8,000 รายต่อไป เกษตรกรที่จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนนั้นเป็นบุคคลธรรมดาหรือรวมกลุ่มกัน แต่ต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลก่อน เช่น ห้างหุ้นส่วนจำกัด , บริษัทจำกัด, กลุ่มเกษตรกร และ สหกรณ์ จากนั้น SME Bank จะเป็นผู้พิจารณาโครงการ เพื่อนำสู่การส่งเสริมให้เกษตรกรเป็นเจ้าของบริษัทธุรกิจเกษตร
              ทั้งนี้ ภาเกษตรกรแห่งชาติจะทำหนังสือถึงสภาเกษตรกรจังหวัดให้รับทราบเบื้องต้นก่อน จากนั้นจะลงพื้นที่ในจังหวัดเป้าหมาย เช่น ภาคเหนือจัดที่ จ.ลำปาง ภาคอีสาน จ.ขอนแก่นหรืออุดรธานี ภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช เป็นต้น เกษตรกรที่มีความพร้อมทำการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม มีนวัตกรรม พันธุกรรมท้องถิ่น ภูมิปัญญา แหล่งท่องเที่ยวสวยงาม ความรู้ต่างๆ ขอให้นำเรื่องเหล่านี้พูดคุยกับเครือข่ายของตนแล้วนำไปหารือกับสภาเกษตรกรจังหวัดได้ทุกจังหวัด เพื่อจะทำเป็นโครงการขึ้นมา เมื่อสภาเกษตรกรฯและเจ้าหน้าที่ SME Bank ลงพื้นที่สามารถนำเสนอโครงการ เมื่อผ่านทุก ขั้นตอนก็จะสามารถอนุมัติวงเงินกู้ได้ทันที

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/nnd/2772490