ระหว่างวันที่ 25-27 ต.ค. ที่ผ่านมา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยภายใต้การนำของ นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคม ได้นำคณะเดินทางไปสำรวจเพื่อประเมินผลผลิตและติดตามสถานการณ์ข้าวนาปี ปีการผลิต 2561/2562 ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) โอกาสนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” ได้เดินทางร่วมด้วย และได้มีโอกาสซักถามกูรูด้านส่งออกในแต่ละตลาด เพื่อประเมินสถานการณ์และแนวโน้มปี 2562

แล้งกลิ่นหอมมะลิเพิ่ม
นายเจริญ กล่าวว่า ในการสำรวจครั้งนี้ยังได้ร่วมประชุมกับประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เกษตรจังหวัด และพาณิชย์จังหวัด 14 จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งจะได้นำข้อมูลไปประมวล เบื้องต้น คาดการณ์ผลผลิตข้าวในภาคอีสานปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แต่ผลผลิตปีนี้ออกมาช้ากว่าปกติ จึงทำให้สถานการณ์ราคาข้าวเปลือกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเวลานี้ข้าวเปลือกหอมมะลิเกี่ยวสดความชื้น 25% ขายได้ราคาที่ 1.35 หมื่นบาทต่อตัน ความชื้น 15% อยู่ที่ตันละ 1.6-1.7 หมื่นบาทต่อตัน ราคาแบบนี้ชาวนาน่าจะพอใจ และเชื่อว่าข้าวหอมมะลิปีนี้จะมีกลิ่นหอมมากขึ้นจากความแล้ง

Print

แต่ที่เป็นห่วง คือ หากราคาข้าวสูงเกินไปจะเสียตลาดบางส่วนให้กับคู่แข่ง ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะไปส่งเสริมให้ชาวนามีผลผลิตต่อไร่เพิ่ม เพราะปัจจุบันผลผลิตต่อไร่ข้าวแห้งเฉลี่ยที่ 330 กิโลกรัม (กก.) ถือว่าตํ่ามาก ควรจะเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้ได้มากกว่า 400 กก. ขึ้นไป จะทำให้ความเป็นอยู่ของชาวนาดีขึ้น

ข้าวขายล่วงหน้าขาดทุน
นายวัลลภ มานะธัญญา ประธาน บริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัด ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายข้าวหอมมะลิทั้งในและต่างประเทศ “ตราหงษ์ทอง” กล่าวว่า ราคาข้าวหอมมะลิ กข15 ปีนี้ ปรับตัวสูงขึ้น เพราะผลผลิตมีน้อย พื้นที่บางส่วนก็มีปัญหานํ้าท่วม บางพื้นที่ก็ประสบภัยแล้ง ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น ถือเป็นปีทองของชาวนาไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่บริษัทดูแลชาวนาในโครงการประชารัฐ จะปรับเพิ่มให้ชาวนาตันละ 500 บาท จากสถานการณ์ดังกล่าวนี้ทำให้ผู้ส่งออกบางรายขาดทุนจากราคาข้าวที่จะต้องรีบซื้อตามคำสั่งซื้อที่มีอยู่ในมือ

จีนทุบตลาดข้าวนึ่งไทย
นายวิชัย ศรีประเสริฐ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมส่งออกข้าวไทย กล่าวถึงสถานการณ์ข้าวนึ่ง ซึ่งมีตลาดใหญ่ที่แอฟริกา อาจต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากข้าวของจีน โดยหากมองย้อนกลับไปประมาณปี 2551 สต๊อกข้าวจีนอยู่ที่ 40 ล้านตัน ปีนี้มีอยู่ 100 ล้านตัน มีส่วนต่างมากถึง 60 ล้านตัน ซึ่งจีนนำข้าวเก่ามาขายในแอฟริกา เพราะตลาดข้าวเก่าไทยหมดแล้ว เป็นสิ่งที่น่ากังวลในอนาคต ปัจจุบัน เพียงแค่นำข้าวส่วนเกินมาขาย ทำให้ตลาดข้าวนึ่งของไทยยอดขายหายไป 10%

“ข้าวนึ่งที่จีนผลิต ได้นำข้าวเปลือกค้างหลายปีมาผลิต ทำให้มีต้นทุนถูกกว่าไทย ดังนั้น หากประเทศจีนกลายเป็นประเทศส่งออกจะกลายเป็นแบบอินเดีย เพราะยักษ์ใหญ่ของโลกทำอะไรก็จะสะเทือนไปทั่วโลก เริ่มเป็นห่วง เพราะราคาข้าวนึ่งจีนขายเอฟโอบีอยู่ที่ 330 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ของไทยอยู่ที่ 390 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ถูกกว่ากันถึง 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต้องจับตามองทั้งปีนี้และปีหน้า”

ข้าว1

กังวลลูกค้าชอบข้าวเก่า
สอดคล้องกับ นายวันนิวัติ กิติเรียงลาภ รองประธาน บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด ที่กล่าวว่า สต๊อกข้าวเก่าของจีนที่มีจำนวนมาก การเก็บไว้สูงมากขนาดนี้ ไม่รู้อนาคตเลยว่าจะทำอะไร ขณะที่ ในช่วง 2-3 ปีนี้ ก็มีการทยอยขายออกมาเรื่อย ๆ เหมือนเป็นระเบิดเวลา สวนทางกับข้าวในสต๊อกรัฐบาลไทยที่หมดไปแล้ว ที่ผ่านมาช่วง 4 ปีหลัง ส่วนใหญ่บริษัทจะประมูลซื้อข้าวเก่าส่งให้กับคู่ค้า แต่จากนี้ไปจะไม่มีแล้ว จะทำอย่างไร เนื่องจากผู้บริโภคชอบทานข้าวเก่า

ขณะที่ นายกิจจา เวศย์ไกรศรี ผู้จัดการ บริษัท สยามเฟิสท์ไรซ์ จำกัด มองต่างมุมว่า การส่งออกข้าวของจีนมีการกำหนดโควตา แล้วข้าวที่เก็บอยู่ในสต๊อกโกดังส่วนใหญ่อยู่ในรูปของข้าวสาร มองว่า การเก็บข้าวไว้มากเพื่อความมั่นคงไว้เลี้ยงประชากรในประเทศ เป็นธรรมดาที่จีนจะซื้อข้าวใหม่เก็บและส่งออกข้าวเก่า เพื่อหมุนเวียนข้าวในสต๊อก ดังนั้น โอกาสของข้าวไทยยังมีมากในจีน เพราะผู้บริโภคจีนมีความเชื่อมั่นคุณภาพ

ตลาดอเมริกา-เอเชียโต
นายเริงชัย หงส์จำรัสศิลป์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการ สมาคมส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ตลาดสหรัฐอเมริกายังโตต่อเนื่อง กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ชาวเอเชีย หรือ ผู้ที่มีเชื้อสายเอเชีย เช่น ผู้มีเชื้อสายจีน ไทย เวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน ที่นิยมบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก โดยจะนิยมบริโภคข้าวหอมมะลิและข้าวบาสมาติ เป็นหลัก

rice3

ส่วนนายโชคชัย เศรษฐีวรรณ กรรมการบริหาร บริษัท ไทยฟ้า (2511) จำกัด กล่าวถึงตลาดข้าวขาวในเอเชียยังโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศฟิลิปปินส์ ปีหน้ามีออร์เดอร์มาแล้วจะนำเข้า 1 ล้านตัน เนื่องจากประเทศประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ จึงทำให้การส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นถึง 210% (9 เดือนแรกของปี 2561 มียอดส่งออก 7.74 แสนตัน ขณะที่ ปีที่แล้วทั้งปีแค่ 2.9 แสนตัน เช่นเดียวกับประเทศอินโดนีเซีย ปีหน้าจะมีการเลือกตั้ง นโยบายรัฐบาลต้องการทำให้ราคาข้าวในประเทศอ่อนตัวลง โดยการส่งออกข้าวไปอินโดนีเซียโตกว่า 832% (9 เดือนแรกของปี ส่งออก 7.55 แสนตัน ขณะที่ ปีที่แล้วทั้งปี 1.28 แสนตัน) และปีนี้-ปีหน้าคาดยังขยายตัวต่อเนื่อง

2 ตลาดหวั่นพลาดท่า
นายสุชาติ คโณภาสวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ข้าวธัญญมิตร จำกัด กล่าวถึงสถานการณ์ราคาข้าวที่มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องช่วงนี้ จะมีผลทำให้ขายได้น้อยกว่าคู่แข่ง เพราะเป็นธรรมดาที่ผู้ซื้อจะไปเลือกซื้อในราคาที่ตํ่ากว่า จึงทำให้ตลาดฮ่องกงมียอดหายไปกว่า 30% เช่นเดียวกับญี่ปุ่น ที่มียอดหดหายไปกว่า 14.4% และในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ตลาดข้าวหอมมะลิยังถูกทดแทนตลาดโดยข้าวขาวพื้นนุ่ม ซึ่งมีราคาถูกกว่าค่อนข้างมาก สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นแนวโน้มสถานการณ์ครึ่งปีหลังและแนวโน้มปีหน้าที่ผู้ส่งออกข้าวจะเผชิญอะไรบ้าง เป็นสิ่งที่จับตามอง ยังไม่นับปัจจัยเสี่ยงค่าเงิน สงครามการค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย ต้องมาดูกันเป็นระยะ ๆ

ที่มา….http://backoff.thansettakij.com/2018/10/30/339612