กรมการค้า ตปท.ปลื้ม ระบายข้าวค้างสตอก 16.84 ล้านตันหมดเกลี้ยง
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 – ธันวาคม 2561 กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสตอกของรัฐ และเลขานุการคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวในสตอกของรัฐที่ผ่านการตรวจนับปริมาณและมีผลการตรวจสอบและจัดระดับคุณภาพรวมทั้งสิ้น 16.84 ล้านตัน มูลค่ารวม 145,080 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลไม่ต้องแบกรับภาระค่าเก็บรักษาข้าวไว้ในสตอกเดือนละกว่าพันล้านบาท ซึ่งได้ส่งผลดีทำให้กำจัดอุปทานส่วนเกินที่เคยกดทับตลาดและราคาข้าวไทยได้หมดไป จึงส่งผลโดยตรงทำให้ระบบการผลิต การค้า และราคาข้าวของไทยกลับสู่ภาวะปกติตามกลไกตลาด เรียกคืนความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ และยุติการนำข้ออ้างเรื่องสตอกข้าวของรัฐไปกดราคาข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ที่เกษตรกรควรจะได้รับได้อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ผลจากการระบายสตอกออกไปจนหมด ทำให้ปี 2561 ไทยสามารถส่งออกข้าวได้ตามเป้าหมาย มีปริมาณรวม 11.13 ล้านตัน หรือลดลงร้อยละ 3.36 เมื่อเที่ยบกับปีที่ผ่านมา แต่มูลค่ารวม 5,623 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 หรือคิดเป็นเงินบาท 180,413 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 ซึ่งเป็นการส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า ส่งผลดีต่อราคาข้าวเปลือกในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
ขณะที่เป้าหมายการส่งออกข้าวปี 2562 เบื้องต้นคาดว่าปริมาณการส่งออกจะลดลงจากปี 2561 เล็กน้อย แต่จะผลักดันให้มีมูลค่าการส่งออกสูงขึ้น โดยสนับสนุนให้เกษตรกรเพาะปลูกข้าวคุณภาพดีและข้าวที่เป็นที่ต้องการของตลาด และกรมฯ มุ่งส่งเสริมการส่งออกข้าวคุณภาพสูง (Premium Rice) และผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากข้าวไทย โดยแม้ปริมาณลด มูลค่าไม่ได้ลดตาม แต่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดข้าวและเกษตรกรไทย
ส่วนที่สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยประเมินว่าไทยจะส่งออกข้าวลดลง เนื่องจากราคาข้าวไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่ง เช่น อินเดีย และเวียดนาม รวมทั้งผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้น กรมการค้าต่างประเทศเห็นว่าขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยปี 2562 ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากปีที่ผ่านมา เพราะคู่ค้าหันไปซื้อข้าวจากคู่แข่ง เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อการผลิต การตลาด และการส่งออกข้าวไทยยังคงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกภาพรวมจะยังชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อได้ ประกอบกับราคาข้าวของประเทศคู่แข่งอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาข้าวไทย แต่ยังมีปัจจัยบวก คือ ความต้องการบริโภคข้าวของโลกยังมีต่อเนื่อง จากประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นและข้าวยังคงเป็นอาหารที่สำคัญสำหรับหลายประเทศ อาทิ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เป็นต้น
นอกจากนี้ ผู้นำเข้าข้าวยังคงเชื่อมั่นคุณภาพมาตรฐานข้าวไทย รวมทั้งราคาข้าวไทยยังสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศยังคงติดตามสถานการณ์และประเมินสถานการณ์ข้าวทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินเป้าการส่งออกข้าวในปี 2562 อีกครั้ง
ที่มา…https://mgronline.com/uptodate/detail/9620000002345