ผู้ส่งออกโอดบาทแข็ง “เร็ว-แรง” แตะระดับ 31 บาท ทุบส่งออกปีนี้ต่ำเป้า หวั่นฉุดราคาสินค้าวัตถุดิบการเกษตรตกต่ำอีกระลอก แบงก์ชาติยอมรับส่งออกครึ่งปีแรกเสี่ยง “หดตัว” ทั้งจากปัจจัยค่าเงิน-เศรษฐกิจโลกชะลอตัว เผยเดือน มี.ค.เตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจรอบใหม่

บาทแข็งเร็ว-แรงทุบราคาเกษตร

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากภาวะบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วในช่วงต้นปีถึงระดับ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หรือแข็งค่าเกือบ 3% จะทำให้การส่งออกไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ 8% โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารแปรรูปที่ใช้วัตถุดิบในประเทศและต้องแข่งราคา ทำให้รายได้ที่แปลงกลับมาเป็นเงินบาทจะลดลง ส่งผลเชื่อมโยงให้ราคาสินค้าวัตถุดิบการเกษตรลดลงตามไปด้วย ภาครัฐควรมีมาตรการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทอย่างจริงจัง

“บาทแข็งค่ามีผลให้การส่งออกไทยปีนี้ไม่เป็นไปตามเป้าแน่นอน เพราะแข่งขันราคาสู้ไม่ได้เลย ถ้ายังอยู่อย่างนี้สุดท้ายปัญหาจะตกที่เกษตรกร ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ รัฐบาลก็ต้องมาดูแลสินค้าเกษตรอีก กลับไปสู่วังวนเดิม ค่าเงินบาทแข็ง เร็ว แรง ลึก จนเกินไป แบงก์ชาติต้องยอมรับว่าวันนี้บาทแข็งที่สุดในโลก ไม่ใช่แค่ภูมิภาคแล้ว”

ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า แม้ว่าบาทแข็งอาจมีประโยชน์ในการใช้เป็นโอกาสในการนำเข้าเครื่องจักรเทคโนโลยี แต่ช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาก็มีการนำเข้าสินค้าเครื่องจักรและทุนเข้ามาระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งปีนี้จะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเอกชนแต่ละราย

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ปัจจัยค่าเงินบาทที่แข็งค่าเป็นปัจจัยลบสำคัญ ตั้งแต่ต้นปี 2562 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 2.28% ทำให้ราคาข้าวหอมมะลิแพงขึ้นตันละ 60 เหรียญสหรัฐจากราคา 1,200 เหรียญ ส่วนข้าวขาวแพงขึ้น 20 เหรียญ จากราคา 400 เหรียญ ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง และเชื่อมโยงต่อราคาวัตถุดิบภายในประเทศ

อ่านต่อได้ที่…https://www.prachachat.net/finance/news-285698